วงการเพลงและละครเป็นหนี้บุญคุณบุรุษผู้หนึ่ง ท่านเป็นชายร่างเล็กแต่แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจเป็นผู้ปฏิรูปแนวทางเพลงไทยคนแรก จากท่วงทำนองเพลงไทยเดิม ที่แพรวพราวด้วยลูกเอื้อนให้ใกล้ลักษณะสากลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผลงานบทละคร บทภาพยนตร์ บทพากษ์ และอื่นๆอีกสารพัดที่เป็นผลงานของท่านก็ได้สร้างความสุขให้แก่ผู้ชม และยังสร้างอาชีพให้กับผู้เกี่ยวข้องในวงการบันเทิงอีกมากมาย
ท่านผู้นี้ใช้นามปากกาว่า “พรานบูรพ์” ซึ่งมีความหมายถึง “ดวงอาทิตย์”
"ผลจากการบุกเบิกเพลงไทยในรูปแบบใหม่ของพรานบูรพ์ได้สืบทอดต่อมายังนักเพลงรุ่นหลังๆจนทุกวันนี้ ดังนั้นจะถือว่าพรานบูรพ์ คือผู้ริเริ่มเพลงไทยสากลก็ไม่ผิดนัก"
สำหรับคนรุ่นใหม่นาม “พรานบูรพ์” อาจไม่เป็นที่รู้จัก เพลงของพรานบูรพ์อาจไม่คุ้นหู แต่สำหรับผู้สูงวัยแล้ว ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักอย่างดี และบทเพลงของท่านก็เป็นอมตะที่ยังให้อารมณ์ความรู้สึกได้อย่างดีแม้วันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด
พรานบูรพ์เริ่มแต่งเพลงแบบสากลมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๑-๒๔๗๒ แต่เพลงของท่านเป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างกว้างขวาง ในปี พ.ศ.๒๔๗๕ เมื่อห้างแผ่นเสียง ต.เง็กชวนอัดเพลงของพรานบูรพ์ออกจำหน่าย
นอกจากอัจฉริยะในการประพันธ์คำร้องและทำนองเพลงแล้ว ท่านยังมีเอกลักษณ์ในการใส่เนื้อและทำนอง ไม่เหมือนใคร ความหมายของเนื้อร้องกับทำนองเพลง กลมกลืนกันอย่างดีเยี่ยม...ไม่ว่าจะเป็นเพลงแบบรักหวาน เพลงแบบกระทบกระเทือนสังคม หรือเพลงประเภทปลุกใจรักชาติ ก็สามารถโน้มน้าวให้ผู้ร้องผู้ฟัง ร้องได้อย่างชื่นชมและจดจำไปนาน
พรานบูรพ์มีชื่อจริงว่า จวงจันทร์ จันทร์คณา เป็นบุตรของหลวงราชสมบัติ(จันทร์) และนางสร้อย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2444 ที่ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากบิดาเป็นข้าราชการ ซึ่งต้องโยกย้ายไปรับราชการตามจังหวัดต่างๆ เมื่อเติบโตถึงวัยที่จะเข้าศึกษาได้ บิดาได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดราชบุรี จึงได้เข้าเรียนที่วัดสัตนาถ เรียนอยู่ได้ไม่นาน บิดาถึงแก่กรรม ขณะนั้นมีอายุได้ 7ปี มารดาได้พาไปอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เรียนหนังสือต่อจนอายุ 11 ปี จึงได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนั้น นอกจากได้เข้ารับเลือกเล่นฟุตบอลในทีมโรงเรียนแล้ว ยังสามารถเล่นไวโอลินได้อีกด้วย
เมื่อจบจากสวนกุหลาบฯ "จวงจันทน์ จันทร์คณา" ได้เข้าศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในคณะรัฐประศาสน์ (รัฐศาสตร์) ต่อมาย้ายไปเรียนคณะวิศวะกรรมศาสตร์ตามคำแนะนำของอาจารย์ แต่ก็เรียนไม่จบเนื่องจากมารดาเสียชีวิต จึงขาดผู้สนับสนุน
หลังจากไปเป็นลูกมือคุณหลวงนักสำรวจท่านหนึ่งอยู่หลายปี ก็เข้าสู่วงการหนังสือพิมพ์ และการประพันธ์
ระยะนี้เป็นระยะที่ละครราตรีพัฒนา เดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกา จึงเริ่มใช้ชีวิตละครด้วยการบอกบทอยู่หลังฉาก ขณะเดียวกันก็เขียนบทกวีในนาม"อำแดงขำ"เรื่องอ่านเล่นในนามปากกา“รักร้อย” ลงในหนังสือยุคนั้นและนามปากกา "ศรี จันทร์งาม" ในหนังสือเนตรนารี
ต่อมาได้แต่งบทละครเรื่อง "ทะแกล้วทหารสามเกลอ" ขึ้นเป็นเรื่องแรก ก็ได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดี จนได้เป็นผู้แต่งบทละครเอง กำกับการแสดงเอง และได้ใช้นามปากกา "พรานบูรพ์" เป็นครั้งแรก เมื่อเขียนเรื่อง "เหยี่ยวทะเล"
เนื่องจากบทละครของเขาเป็นที่นิยมของคนดู พรานบูรพ์จึงได้ดัดแปลงเพลงไทยเดิมที่มีลูกคู่ร้องรับ มาสู่แบบสากล โดยที่ทำนองเพลงที่ใช้กับบทละครร้องยุคนั้น มีลูกคู่ยืดยาดเกินควร จึงใส่เนื้อร้องเต็มแทนลูกคู่ใช้ดนตรีคลอ ฟังทันหูทันใจ จึงเป็นที่นิยมของประชาชนคนดูมาก
ต่อมาได้จัดตั้งละครคณะหนึ่งใช้ชื่อว่า "ศรีโอภาส" ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "จันทโรภาส" ละครที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ"เรื่องจันทร์เจ้าขา"ซึ่งแสดงที่ไหน ก็มีแฟนละครตามไปดูแน่นทุกรอบทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
ต่อมา"จันทร์เจ้าขา"ได้ถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ โดยมีเจือ จักษุรักษ์ เป็นพระเอก สายสนม นางงามเพชรบุรีเป็นนางเอก และน้อย (มารดาของ จงรัก จันทร์คณา เป็นนางรอง)
พรานบูรพ์ เป็นผู้ริเริ่มทำบทพากย์ภาพยนตร์ การพากย์ในยุคแรกนั้น เป็นการเล่าเรื่องหน้าจอให้คนฟัง ก่อนหนังฉาย ต่อมาก็เป็นการพากย์แบบโขน ให้แก่หนังแขกเรื่องแรกที่เข้ามาฉาย คือเรื่องรามเกียรติ์ และต่อมาก็เป็นการพากย์แบบปัจจุบัน โดยมีดนตรีประกอบด้วย ภาพยนตร์เรื่องแรกนั้น คืออาบูหะซัน มีทิดเขียว (สิน สีบุญเรือง) เป็นผู้พากย์เป็นคนแรก
ในด้านภาพยนตร์ พรานบูรพ์ ได้สร้างบทภาพยนตร์ ให้กับ บริษัทภาพยนตร์ศรีกรุง หลายเรื่อง เช่น ใน สวนรัก อ้ายค่อม ค่ายบางระจัน และบทภาพยนตร์ สนิมในใจ สามหัวใจ แผลเก่า ให้กับ บูรพาศิลป์ภาพยนตร์ และสร้างเอง เช่น วังหลวง วังหลัง ฯลฯ
บั้นปลายของชีวิต เมื่อภรรยาถึงแก่กรรมสุขภาพก็ทรุดโทรมลงเรื่อยมา แต่ก็ยังพยายามเขียนบทละครเก่าแก่ คือ เรื่องขวัญใจโจร ให้คณะละครคณะหนึ่งที่มาขอไว้ เพื่อจะนำไปแสดงทางโทรทัศน์ จนจบ
พรานบูรพ์เสียชีวิตด้วยระบบลมหายใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2519 อายุได้ 74 ปีบริบูรณ์
หุ่นขี้ผึ้ง "พรานบูรพ์"ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง แสดงอิริยาบทที่ถนัด ขณะแต่งเพลง
ข้อมูล จาก หนังสืออนุสรณ์พรานบูรพ์ และข้อเขียนของ คีตา พญาไท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น